96 จำนวนผู้เข้าชม |
รู้หรือไม่? ทำไมคนเราถึงเป็นทาสแมวเหมียวโดยไม่รู้ตัว
เปิดงานวิจัยที่มนุดอย่างเราๆ หลงรักเจ้าเหมียวแบบมีวิทยาศาสตร์รองรับกันเถอะ
หากคุณเคยรู้สึกว่าตัวเอง "ยอมทุกอย่าง" ให้เจ้าเหมียว หรือต่อให้น้องจะงับหรือแจกยันต์ใส่เรา เราก็รักแมวอยู่ดี... แน่นอนว่าคุณไม่ใช่คนเดียว เพราะพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นกับพ่อแมว แม่แมว ทั่วโลก และไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึก แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับว่า การเป็น "ทาสแมว" นั้นเกิดจากกลไกทางร่างกายและจิตใจของเราอย่างแท้จริง
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกปรากฏการณ์การเป็นทาสแมวว่าเกิดจากอะไรบ้าง ทั้งในแง่ของฮอร์โมน ความสัมพันธ์ และพฤติกรรมของแมวที่ทำให้เราหลงรักพวกเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
1. ฮอร์โมนแห่งความรัก – Oxytocin ทำให้เราหลงแมวเข้าเต็มเปา
หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า Oxytocin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความผูกพัน และความไว้ใจ หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนแห่งความรัก” นี่เองคือสิ่งที่หลั่งออกมาในร่างกายของทาสแมวทุกครั้งที่ได้ลูบคลำหรือสัมผัสตัวเจ้าเหมียว
งานวิจัยเผยว่า การลูบแมวหรือกอดแมวสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง oxytocin ได้จริง ซึ่งส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และสร้างความใกล้ชิดทางอารมณ์กับแมวของเรา ในทางกลับกัน แมวเองก็สามารถหลั่ง oxytocin ได้เช่นกัน เมื่อพวกเขารู้สึกปลอดภัยและไว้ใจเจ้าของ โดยเฉพาะในแมวที่มีพฤติกรรมแบบ secure attachment
2. แมวกับรูปแบบความผูกพัน (Attachment Styles)
ไม่ใช่แมวทุกตัวจะมีความรู้สึกผูกพันในแบบเดียวกัน นักวิจัยจำแนก สไตล์การแนบตัวของแมว ออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
Secure – แมวรู้สึกปลอดภัยและมีความสุขเมื่อเจ้าของอยู่ใกล้ มักอยากมีปฏิสัมพันธ์
Anxious – แมวที่อยากใกล้ชิดแต่รู้สึกกังวล เช่น ระแวงหรือตอบสนองมากเกินไปเวลาโดนสัมผัส
Avoidant – แมวที่ไม่สนใจการสัมผัสหรือปฏิสัมพันธ์จากเจ้าของ
แมวที่มีรูปแบบ secure มักตอบสนองดีต่อการสัมผัส เช่น เมื่อเจ้าของกอด จะทำให้ระดับ oxytocin เพิ่มขึ้น ในขณะที่แมวที่มีลักษณะ anxious อาจรู้สึกเครียดมากกว่าผ่อนคลาย
3. การสบตาและกอดแมว สร้างวงจรความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การสบตาระหว่างแมวกับเจ้าของเป็นอีกหนึ่งการเชื่อมโยงที่มีผลต่อระดับ oxytocin เช่นกัน มีการทดลองให้แมวได้รับ oxytocin แล้วสังเกตพฤติกรรม พบว่าแมวเพศผู้จะสบตาเจ้าของนานกว่าเพศเมีย
นี่อาจอธิบายผ่านแนวคิดที่เรียกว่า “biobehavioural feedback loop” ซึ่งเป็นวงจรที่เมื่อเรารักหรือสัมผัสแมว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความรัก ส่งผลให้เรารู้สึกดีและอยากทำแบบนั้นซ้ำอีก จนกลายเป็นความผูกพันแบบไม่มีที่สิ้นสุด หรือที่เราเรียกกันว่า "ทาสแมว"
4. ประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเลี้ยงแมว
สำหรับพ่อแมวแม่แมวแล้ว การได้สัมผัสเจ้าเหมียวไม่ใช่แค่ความสุขทางใจ แต่ยังดีต่อสุขภาพกายด้วย การเลี้ยงแมวช่วยลดระดับความวิตกกังวล ลดฮอร์โมนความเครียด Cortisol และเพิ่ม Oxytocin ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น
บางการศึกษาเผยว่า แม้แต่การได้ยินเสียงแมวคราง (purring) ก็สามารถช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ลดความดันโลหิต และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้นแบบ “eustress” ซึ่งเป็นความเครียดเชิงบวก
5. พฤติกรรมของแมวที่ทำให้เรากลายเป็นทาส
แมวมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระตุ้นให้คนรู้สึกหลงใหล เช่น
- Slow blink (การหลับตาช้าๆ เหมือนส่งจูบ)
- Kneading (นวดขาด้วยอุ้งเท้า)
- การมองตา หรือ การเดินเข้ามาอ้อน
พฤติกรรมเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นโดยแมวเลือกทำกับคนที่ไว้ใจ และเมื่อพ่อแมวแม่แมวได้รับ “ความรักกลับคืน” ก็จะยิ่งหลงรักมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่แค่ด้านเดียว แต่เป็นปฏิสัมพันธ์สองทางที่สร้างความผูกพันแน่นแฟ้น จนหลายคนยอมทุ่มเททุกอย่างให้น้องแมว – ทั้งเวลา ความรัก และแม้แต่เงินทอง
สรุป: ทาสแมวไม่ได้เกิดจากจินตนาการ แต่คือความจริงที่สัมผัสได้
เมื่อมองผ่านหลักวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่าการเป็นทาสแมวนั้นมีที่มาที่ไปจากทั้งพฤติกรรมของแมว และการตอบสนองทางเคมีในร่างกายของพ่อแมวแม่แมวอย่างชัดเจน ฮอร์โมน oxytocin คือกุญแจสำคัญที่ผูกโยงความรัก ความผูกพัน และความรู้สึกดีๆ ไว้กับเจ้าเหมียว
หากคุณกำลังรู้สึกว่าแมวของคุณคือหัวใจของบ้าน และคุณพร้อมจะยอมให้ทุกอย่าง นั่นไม่ใช่เพราะคุณอ่อนแอ... แต่เพราะคุณกำลังมีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับสิ่งมีชีวิตอีกตัวหนึ่งอย่างลึกซึ้ง
และไม่ต้องกังวลไป เพราะการเป็น “ทาสแมว” นั้นไม่ใช่เรื่องแย่เลย ตรงกันข้าม มันคือความรักที่สวยงามในรูปแบบเฉพาะตัว ที่แค่ได้มองตาแมว... ก็รู้แล้วว่า “หัวใจของฉันอยู่ที่เธอแล้วเจ้าเหมียว”