33 จำนวนผู้เข้าชม |
ทาสแมวต้องรู้! 7 เรื่องที่ควรระวังเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่มาพร้อมกับสายฝนไม่ใช่แค่ความเย็นชุ่มฉ่ำ แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวของเราโดยไม่รู้ตัว ทาสแมวหลายคนอาจไม่ทันระวังว่าฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่โรคต่าง ๆ มีแนวโน้มจะระบาดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องผิวหนัง ระบบหายใจ โรคติดต่อ และพยาธิภายใน ซึ่งอาจส่งผลให้แมวที่รักของเราป่วยได้ง่ายกว่าปกติ
บทความนี้จึงรวบรวม 7 สิ่งที่ทาสแมวต้องใส่ใจเป็นพิเศษในหน้าฝน พร้อมแนวทางป้องกันอย่างถูกต้อง เพื่อให้แมวของคุณสุขภาพดี แข็งแรง และมีความสุขตลอดฤดูฝนนี้
1. ระวังเชื้อราแฝงตัวในขนนุ่มๆ
ฝนตก ความชื้นสูง ขนแมวแห้งไม่สนิท เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เชื้อราเจริญเติบโต โดยเฉพาะแมวขนยาวหรือแมวที่โดนฝนแล้วไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เชื้อราบนผิวหนังมักเริ่มจากจุดเล็ก ๆ เช่น วงขนร่วง คัน เป็นสะเก็ด และอาจลุกลามกลายเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังได้
วิธีป้องกัน
- เช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังจากเปียกฝน
- ใช้ผ้าแห้งสะอาดและไดร์ลมเย็นในการเป่าขน
- หลีกเลี่ยงการให้น้องแมวเดินหรือนอนในที่อับชื้น
2. พยาธิหัวใจ – ภัยเงียบจากยุงในหน้าฝน
แม้ว่าแมวจะมีความต้านทานมากกว่าสุนัขในเรื่องของพยาธิหนอนหัวใจ แต่ก็ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่ยุงชุกชุม พยาธิหัวใจสามารถติดต่อได้จากยุงที่กัดสัตว์ที่มีเชื้อ แล้วมากัดแมวของคุณต่อ
วิธีป้องกัน
- ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาหยดหลังคอ หรือยาฉีดป้องกันพยาธิ
- หมั่นตรวจสุขภาพแมวประจำปี
- ป้องกันไม่ให้น้องแมวอยู่ในที่มียุงจำนวนมาก
3. เท้าเปียก = เชื้อโรคชอบ
พื้นเปียก หรือบริเวณที่น้ำขังอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และพยาธิผิวหนัง แมวที่เดินเหยียบพื้นที่เหล่านี้อาจนำเชื้อโรคติดเท้ากลับเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว และหากเลียเท้าตัวเอง อาจเกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหารได้
วิธีป้องกัน
- เช็ดเท้าทุกครั้งหลังแมวออกนอกบ้านหรือเหยียบน้ำ
- ล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
- ทำความสะอาดพื้นที่ที่แมวเดินประจำอย่างสม่ำเสมอ
4. แมวเครียดง่ายเมื่อพายุเข้า
เสียงฟ้าร้อง ฝนตกหนัก หรือพายุ เป็นสิ่งที่แมวส่วนใหญ่กลัวและไวต่อเสียง สิ่งเหล่านี้อาจทำให้น้องแมวเกิดความเครียด ซ่อนตัว กินน้อย หรือถึงขั้นมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปได้
วิธีช่วยลดความเครียด
- เปิดเพลงเบา ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
- ให้แมวอยู่ใกล้แสงไฟอุ่น ๆ
- ใช้ฟีโรโมน Feliway ช่วยลดความตึงเครียด
- อยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้ความมั่นใจ
5. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อ
หน้าฝนเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิดแพร่กระจายง่าย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ ลำไส้อักเสบ หรือโรคไข้หวัดแมว การฉีดวัคซีนให้ครบตามโปรแกรมจึงเป็นเกราะป้องกันสำคัญ
สิ่งที่ควรทำ
- ตรวจสอบสมุดวัคซีนของแมวว่าครบหรือยัง
- พาไปฉีดวัคซีนตามที่สัตวแพทย์นัด
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ที่เชื่อถือได้
6. อย่าปล่อยให้น้องโดนน้ำฝนหรือตัวเปียกชื้นนาน
แมวไม่เหมาะกับการโดนน้ำเป็นเวลานาน เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะลดลงอย่างรวดเร็ว หากตัวเปียกนานเกินไป อาจเสี่ยงเป็นปอดบวม หวัด หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้
วิธีดูแล
- หากแมวโดนฝน ให้รีบเช็ดตัวและห่มผ้าให้อบอุ่น
- ให้อยู่ในห้องแห้ง อบอุ่น และมีอากาศถ่ายเท
- หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แมวออกไปเล่นข้างนอกในวันที่ฝนตก
7. ทำความสะอาดที่นอนของแมวเป็นประจำ
ที่นอนแมวคืออีกหนึ่งแหล่งสะสมความชื้น หากปล่อยให้หมอน เบาะ หรือผ้าห่มที่แมวนอนเปียกชื้น อาจก่อให้เกิดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไรฝุ่นได้
คำแนะนำ
- ซักผ้าที่แมวนอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ผึ่งแดดให้แห้งสนิททุกครั้ง
- ใช้ผ้าห่มหรือเบาะที่ระบายอากาศได้ดี
สรุป
การดูแลแมวในหน้าฝนไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้จักป้องกันล่วงหน้าและใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเช็ดตัวให้แห้ง การทำความสะอาดที่นอน การฉีดวัคซีน และการอยู่ใกล้น้องแมวในเวลาที่พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย
เพราะแมวคือสมาชิกในครอบครัวที่แสนน่ารัก และสุขภาพของเขาคือความสุขของเราในทุกฤดูกาล