พ่อแม่คนไหนสายตามใจลูก ระวัง! น้องจะเสี่ยงเป็นโรคไต

53 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รักษาโรคไตในสัตว์เลี้ยง

พ่อแม่คนไหนสายตามใจลูก ระวัง! น้องจะเสี่ยงเป็นโรคไต

โรคไตในน้องหมาน้องแมวถือเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากขึ้น หรือแม้แต่น้องๆ วัยกลางคนก็เริ่มมีความเสี่ยงได้เช่นกัน หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า พฤติกรรมการกินบางอย่าง หรือการใช้ชีวิตในบ้าน ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ไตทำงานหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ลองมาดูกันว่าอะไรคือ “ตัวการ” ที่อาจทำให้ลูกๆ ขนฟูของเรามีความเสี่ยงต่อโรคไตมากที่สุด

1. อาหารการกิน: โซเดียมสูง = ไตทำงานหนัก

อาหารถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพไต โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียมหรือฟอสฟอรัสสูง เช่น:

  • อาหารเม็ดไม่ผ่านมาตรฐาน: บางยี่ห้อมีปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัสสูงเพื่อเพิ่มรสชาติหรือยืดอายุสินค้า
  • อาหารของคน: เช่น แฮม ไส้กรอก ไก่ทอดหรืออาหารปรุงรสเค็มจัด ที่เจ้าของบางคนเผลอแบ่งให้
  • อาหารแมวบางชนิด: โดยเฉพาะอาหารสูตรเนื้อสัตว์เข้มข้นที่ไม่ได้ผ่านการควบคุมโภชนาการอย่างเหมาะสม

ข้อควรระวัง: การให้อาหารไม่สมดุลและไม่มีการเลือกอย่างเหมาะสมในระยะยาว จะเพิ่มภาระให้กับการทำงานของไต ส่งผลให้เกิดภาวะไตเสื่อมเรื้อรังได้

 

2. ขนมหมา ขนมแมว ขนมเลีย = ความสุขชั่วคราวแต่ภาระระยะยาว

ขนมสัตว์เลี้ยงส่วนมากไม่ได้ออกแบบมาเพื่อบริโภคทุกวัน ในปริมาณมาก

ข้อมูลจากขนมแมวบางชนิด:

  • มีโซเดียมในระดับหนึ่งเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร
  • อาจมีสารปรุงแต่งกลิ่น สี หรือรสเพื่อให้น่ากิน
  • ปริมาณโปรตีนหรือไขมันอาจไม่สมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มโรคไต

ขนมหมาบางบางชนิด:

  • เช่น ขนมอบกรอบ หรือขนมแทะ อาจใส่เกลือหรือแต่งกลิ่นที่กระตุ้นให้ไตทำงานหนัก
  • ขนมสไตล์เนื้อตากแห้ง หากไม่มีการควบคุมปริมาณโซเดียม อาจกลายเป็นภัยเงียบเช่นกัน

แนวทางป้องกัน: ควรจำกัดขนมให้เป็นเพียงรางวัลพิเศษ ไม่ควรให้เป็นอาหารหลักเป็นประจำทุกวัน และควรอ่านฉลากโภชนาการเสมอ

 

3. อาหารฟรีซดราย (Freeze-dried food): ดีหรือเสี่ยง?

อาหารฟรีซดรายเป็นที่นิยมมากในกลุ่ม Pet Parents เพราะใกล้เคียงกับอาหารธรรมชาติ และน้องหมาน้องแมวก็กินแซ่บมากอีกด้วย

ข้อดี:

  • ทำจากเนื้อสัตว์จริง
  • ไม่มีสารปรุงแต่งรสเทียม

ข้อควรระวัง:

  • ความชื้นต่ำ: หากไม่ได้แช่น้ำก่อนให้ อาจทำให้น้องกินอาหารที่มีความแห้งสูง ส่งผลให้ขาดน้ำเรื้อรัง
  • ไม่สมดุล: บางยี่ห้ออาจไม่มีการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้เพียงพอในสูตร อาจไม่เหมาะสำหรับให้น้องกินระยะยาวโดยไม่มีอาหารเสริม

แนะนำ: หากใช้ฟรีซดรายเป็นอาหารหลัก ควรเติมน้ำหรือเลือกสูตรที่มีความชื้นเสริม และควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อปรับสมดุลโภชนาการ

 

4. น้ำน้อย ไตอ่อนล้า: ตัวการที่ถูกมองข้าม

การดื่มน้ำน้อยคือสาเหตุสำคัญของปัญหาไต เพราะ “น้ำ” ช่วยขับของเสียและลดภาระของไตโดยตรง

  • แมวกินน้ำน้อยตามธรรมชาติ โดยเฉพาะแมวที่กินแต่ “อาหารเม็ด” ยิ่งเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำเรื้อรัง
  • สุนัขบางตัวดื่มน้ำน้อยเพราะสภาพแวดล้อมร้อน/อับ/ไม่น่าสบาย
  • น้ำไม่สะอาด หรือมีตะกอน กลิ่นแปลก ทำให้น้องไม่อยากดื่ม

 

วิธีช่วยให้น้องดื่มน้ำมากขึ้น:

  • ใช้น้ำพุแมวหรือถ้วยน้ำไหลเวียน
  • น้ำต้มเนื้อไก่ / เนื้อหมูไม่ติดมัน ไม่ปรุงแต่งรสชาติ
  • เปลี่ยนเป็นอาหารเปียก หรือผสมอาหารแห้งกับน้ำ

 

5. ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่กระทบสุขภาพไต

  • สภาพแวดล้อมร้อนจัด – ความเครียด – การไม่ออกกำลังกาย ล้วนมีผลต่อระบบขับถ่ายและความสมดุลของร่างกาย
  • การกินยาเป็นเวลานาน: ยากลุ่ม NSAIDs, ยาฆ่าเชื้อบางชนิด หรือยารักษาโรคเรื้อรัง อาจส่งผลข้างเคียงต่อไตได้
  • พันธุกรรมบางสายพันธุ์: เช่น พันธุ์แมว Persian, Abyssinian หรือสุนัขพันธุ์ Shih Tzu, Shar Pei มีแนวโน้มโรคไตมากกว่าสายพันธุ์อื่น

 

 

 สรุป: ป้องกันโรคไต เริ่มต้นที่บ้าน

การป้องกันโรคไตไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราใส่ใจในอาหาร น้ำ และการใช้ชีวิตของน้องอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้:

  • เลือกอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนและสมดุล
  • หลีกเลี่ยงการให้ขนมมากเกินไป
  • เพิ่มการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
  • หมั่นตรวจสุขภาพไตประจำปี โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป

 

เพราะสุขภาพที่ดีของน้องหมาน้องแมว เริ่มต้นที่ความเข้าใจของเรานะคะ หากผู้ปกครองท่านไหนมีความกังวลเรื่องน้องหมาหรือน้องแมวเสี่ยงจะเป็นโรคไต หรือถ้าเป็นโรคไตอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบวิธีการดูแลน้องอย่างถูกต้อง สามารถทักหาเราเพื่อปรึกษาได้ค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้