พ่อแม่คนไหนสายตามใจลูก ระวัง! น้องจะเสี่ยงเป็นโรคไต
โรคไตในน้องหมาน้องแมวถือเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากขึ้น หรือแม้แต่น้องๆ วัยกลางคนก็เริ่มมีความเสี่ยงได้เช่นกัน หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า พฤติกรรมการกินบางอย่าง หรือการใช้ชีวิตในบ้าน ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ไตทำงานหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ลองมาดูกันว่าอะไรคือ “ตัวการ” ที่อาจทำให้ลูกๆ ขนฟูของเรามีความเสี่ยงต่อโรคไตมากที่สุด
1. อาหารการกิน: โซเดียมสูง = ไตทำงานหนัก
อาหารถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพไต โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียมหรือฟอสฟอรัสสูง เช่น:
- อาหารเม็ดไม่ผ่านมาตรฐาน: บางยี่ห้อมีปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัสสูงเพื่อเพิ่มรสชาติหรือยืดอายุสินค้า
- อาหารของคน: เช่น แฮม ไส้กรอก ไก่ทอดหรืออาหารปรุงรสเค็มจัด ที่เจ้าของบางคนเผลอแบ่งให้
- อาหารแมวบางชนิด: โดยเฉพาะอาหารสูตรเนื้อสัตว์เข้มข้นที่ไม่ได้ผ่านการควบคุมโภชนาการอย่างเหมาะสม
ข้อควรระวัง: การให้อาหารไม่สมดุลและไม่มีการเลือกอย่างเหมาะสมในระยะยาว จะเพิ่มภาระให้กับการทำงานของไต ส่งผลให้เกิดภาวะไตเสื่อมเรื้อรังได้
2. ขนมหมา ขนมแมว ขนมเลีย = ความสุขชั่วคราวแต่ภาระระยะยาว
ขนมสัตว์เลี้ยงส่วนมากไม่ได้ออกแบบมาเพื่อบริโภคทุกวัน ในปริมาณมาก
ข้อมูลจากขนมแมวบางชนิด:
- มีโซเดียมในระดับหนึ่งเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร
- อาจมีสารปรุงแต่งกลิ่น สี หรือรสเพื่อให้น่ากิน
- ปริมาณโปรตีนหรือไขมันอาจไม่สมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มโรคไต
ขนมหมาบางบางชนิด:
- เช่น ขนมอบกรอบ หรือขนมแทะ อาจใส่เกลือหรือแต่งกลิ่นที่กระตุ้นให้ไตทำงานหนัก
- ขนมสไตล์เนื้อตากแห้ง หากไม่มีการควบคุมปริมาณโซเดียม อาจกลายเป็นภัยเงียบเช่นกัน
แนวทางป้องกัน: ควรจำกัดขนมให้เป็นเพียงรางวัลพิเศษ ไม่ควรให้เป็นอาหารหลักเป็นประจำทุกวัน และควรอ่านฉลากโภชนาการเสมอ
3. อาหารฟรีซดราย (Freeze-dried food): ดีหรือเสี่ยง?
อาหารฟรีซดรายเป็นที่นิยมมากในกลุ่ม Pet Parents เพราะใกล้เคียงกับอาหารธรรมชาติ และน้องหมาน้องแมวก็กินแซ่บมากอีกด้วย
ข้อดี:
- ทำจากเนื้อสัตว์จริง
- ไม่มีสารปรุงแต่งรสเทียม
ข้อควรระวัง:
- ความชื้นต่ำ: หากไม่ได้แช่น้ำก่อนให้ อาจทำให้น้องกินอาหารที่มีความแห้งสูง ส่งผลให้ขาดน้ำเรื้อรัง
- ไม่สมดุล: บางยี่ห้ออาจไม่มีการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้เพียงพอในสูตร อาจไม่เหมาะสำหรับให้น้องกินระยะยาวโดยไม่มีอาหารเสริม
แนะนำ: หากใช้ฟรีซดรายเป็นอาหารหลัก ควรเติมน้ำหรือเลือกสูตรที่มีความชื้นเสริม และควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อปรับสมดุลโภชนาการ
4. น้ำน้อย ไตอ่อนล้า: ตัวการที่ถูกมองข้าม
การดื่มน้ำน้อยคือสาเหตุสำคัญของปัญหาไต เพราะ “น้ำ” ช่วยขับของเสียและลดภาระของไตโดยตรง
- แมวกินน้ำน้อยตามธรรมชาติ โดยเฉพาะแมวที่กินแต่ “อาหารเม็ด” ยิ่งเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำเรื้อรัง
- สุนัขบางตัวดื่มน้ำน้อยเพราะสภาพแวดล้อมร้อน/อับ/ไม่น่าสบาย
- น้ำไม่สะอาด หรือมีตะกอน กลิ่นแปลก ทำให้น้องไม่อยากดื่ม
วิธีช่วยให้น้องดื่มน้ำมากขึ้น:
- ใช้น้ำพุแมวหรือถ้วยน้ำไหลเวียน
- น้ำต้มเนื้อไก่ / เนื้อหมูไม่ติดมัน ไม่ปรุงแต่งรสชาติ
- เปลี่ยนเป็นอาหารเปียก หรือผสมอาหารแห้งกับน้ำ
5. ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่กระทบสุขภาพไต
- สภาพแวดล้อมร้อนจัด – ความเครียด – การไม่ออกกำลังกาย ล้วนมีผลต่อระบบขับถ่ายและความสมดุลของร่างกาย
- การกินยาเป็นเวลานาน: ยากลุ่ม NSAIDs, ยาฆ่าเชื้อบางชนิด หรือยารักษาโรคเรื้อรัง อาจส่งผลข้างเคียงต่อไตได้
- พันธุกรรมบางสายพันธุ์: เช่น พันธุ์แมว Persian, Abyssinian หรือสุนัขพันธุ์ Shih Tzu, Shar Pei มีแนวโน้มโรคไตมากกว่าสายพันธุ์อื่น

สรุป: ป้องกันโรคไต เริ่มต้นที่บ้าน
การป้องกันโรคไตไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราใส่ใจในอาหาร น้ำ และการใช้ชีวิตของน้องอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้:
- เลือกอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนและสมดุล
- หลีกเลี่ยงการให้ขนมมากเกินไป
- เพิ่มการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- หมั่นตรวจสุขภาพไตประจำปี โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
เพราะสุขภาพที่ดีของน้องหมาน้องแมว เริ่มต้นที่ความเข้าใจของเรานะคะ หากผู้ปกครองท่านไหนมีความกังวลเรื่องน้องหมาหรือน้องแมวเสี่ยงจะเป็นโรคไต หรือถ้าเป็นโรคไตอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบวิธีการดูแลน้องอย่างถูกต้อง สามารถทักหาเราเพื่อปรึกษาได้ค่ะ