10 Checklist ถ้าน้องต้องขึ้นเครื่องบิน ผู้ปกครองต้องเตรียมอะไรบ้าง? เช็กเลย!

115 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พาหมาแมวขึ้นเครื่องบิน2

10 Checklist ถ้าน้องต้องขึ้นเครื่องบิน ผู้ปกครองต้องเตรียมอะไรบ้าง? เช็กเลย!

หากใครกำลังวางแผนพาน้องหมาน้องแมวขึ้นเครื่องไปเที่ยวด้วยกันในช่วงวันหยุดยาว รู้ไหมว่า การเดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงต้องเตรียมอะไรมากกว่าที่คิด? โดยเฉพาะสายการบินในประเทศที่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเดินทางได้ มักจะมีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งของสัตว์เลี้ยง เจ้าของ และผู้โดยสารคนอื่นๆ

วันนี้เรารวบรวมข้อมูลสำหรับคนรักสัตว์ทุกท่าน ที่กำลังวางแผน "พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน" ไม่ว่าจะเดินทางกับสายการบิน Bangkok Airways หรือสายการบินอื่นๆ ลองมาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง!

 1. ตรวจสอบว่าสายการบินอนุญาตให้สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องหรือไม่

ก่อนอื่นเลย ผู้ปกครองต้องตรวจสอบกับสายการบินที่เลือกใช้ว่า อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินหรือไม่ เพราะแต่ละสายการบินมีนโยบายที่แตกต่างกัน เช่น:

  • บางสายการบินอนุญาตเฉพาะสัตว์เลี้ยงเดินทางใต้ท้องเครื่องเท่านั้น
  • บางสายการบินอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นห้องโดยสารได้ (ในกรณีที่สัตว์มีขนาดเล็ก และอยู่ในกล่องที่ได้มาตรฐาน)
  • บางสายการบินไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงโดยสารเลย

ตัวอย่าง: สายการบิน Bangkok Airways

  • ไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในห้องโดยสาร
  • แต่สามารถฝากสัตว์เลี้ยงเดินทางแบบโหลดใต้ท้องเครื่องได้ (Pet in hold)

 

2. ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง และมีใบรับรองจากสัตวแพทย์

ก่อนขึ้นเครื่องบิน 3–7 วัน ผู้ปกครองควรพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ และขอ ใบรับรองสุขภาพสัตว์เลี้ยง (Health Certificate) ซึ่งเป็นเอกสารจำเป็นสำหรับการเดินทางทางอากาศ

ข้อมูลที่ควรมีในใบรับรอง เช่น:

  • สัตว์เลี้ยงไม่มีโรคติดต่อ
  • สุขภาพแข็งแรงพอสำหรับการเดินทาง
  • ได้รับวัคซีนตามกำหนด โดยเฉพาะวัคซีนพิษสุนัขบ้า

 

3. เลือกกล่องสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้มาตรฐาน

กล่องหรือกรงสำหรับพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน ต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ปลอดภัย และได้รับการรับรองจากสายการบิน ซึ่งควรมีลักษณะดังนี้:

  • ทำจากวัสดุแข็งแรง ทนทาน
  • ขนาดเหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง สามารถยืน หันตัว และนอนสบาย
  • มีระบบระบายอากาศดี
  • ล็อกประตูได้แน่นหนา
  • มีป้ายติดบอกชื่อสัตว์เลี้ยง ชื่อเจ้าของ เบอร์ติดต่อ และเที่ยวบิน

สายการบินบางแห่ง เช่น Bangkok Airways กำหนดให้กล่องต้องมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 32 กิโลกรัม (รวมสัตว์และกล่อง)

 

4. เตรียมตัวน้องให้คุ้นเคยกับกล่องเดินทาง

หนึ่งในความเครียดที่สัตว์เลี้ยงมักเจอคือ การถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่แคบๆ นานๆ ดังนั้นผู้ปกครองควรฝึกให้น้องคุ้นเคยกับกล่องล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง

วิธีฝึกง่ายๆ:

  • วางของเล่นหรือผ้าห่มกลิ่นคุ้นเคยไว้ในกล่อง
  • ให้สัตว์เข้าไปอยู่ในกล่องวันละหลายรอบ
  • ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาให้อยู่ในกล่องได้นานขึ้น

 

5. แจ้งความประสงค์ล่วงหน้ากับสายการบิน

สายการบินส่วนใหญ่จะมีจำนวนจำกัดสำหรับการรับสัตว์เลี้ยงในเที่ยวบินหนึ่งๆ ดังนั้นต้อง แจ้งล่วงหน้าขณะจองตั๋ว หรืออย่างช้าก่อนวันเดินทาง 24–72 ชั่วโมง

โดยเฉพาะหากเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ เช่นของ Bangkok Airways ควรแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการพื้นที่ในช่องสัมภาระได้อย่างปลอดภัย

 

6. วันเดินทางต้องมาถึงสนามบินก่อนเวลา

การเดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยงใช้เวลาเช็กอินนานกว่าปกติ ดังนั้นควรมาถึงสนามบินก่อนเวลา อย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง เพื่อ:

  • ดำเนินการเช็กอินสัตว์เลี้ยง
  • ยื่นเอกสารใบรับรองสุขภาพ
  • จัดเตรียมสัมภาระและประสานกับเจ้าหน้าที่

 

7. ค่าบริการเพิ่มเติม

การพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยสายการบินจะคิดราคาตามน้ำหนัก หรือประเภทของสัตว์เลี้ยง

ตัวอย่างอัตราค่าบริการของ Bangkok Airways:

  • น้ำหนักไม่เกิน 15 กก. = 1,600 บาท/เที่ยว
  • น้ำหนัก 15–23 กก. = 2,400 บาท/เที่ยว
  • น้ำหนัก 23–32 กก. = 3,200 บาท/เที่ยว

ราคานี้เป็นเฉพาะ บริการโหลดใต้ท้องเครื่อง ซึ่งต้องจ่ายแยกต่างหากจากตั๋วผู้โดยสาร

 

8. สิ่งของจำเป็นที่ควรพกติดตัว

นอกจากกล่องเดินทางแล้ว อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับน้อง เช่น:

  • ชามน้ำแบบไม่หกง่าย (ติดในกล่อง)
  • แผ่นรองซับหรือผ้าอ้อมสัตว์เลี้ยง
  • ของเล่นชิ้นโปรด เพื่อช่วยคลายเครียด
  • สำเนาใบวัคซีน/เอกสารประจำตัวสัตว์

 

9. ข้อจำกัดเพิ่มเติม

ผู้ปกครองทราบว่า:

  • ลูกสัตว์อายุน้อยกว่า 8 สัปดาห์ อาจไม่สามารถเดินทางได้
  • สัตว์ที่ดุ หรือมีประวัติทำร้ายคน/สัตว์อื่น อาจถูกปฏิเสธการเดินทาง
  • สัตว์พันธุ์หน้าสั้น (เช่น ปั๊ก เปอร์เซีย) อาจมีความเสี่ยงในการหายใจ จึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เป็นพิเศษ

 

10. ไมโครชิพจำเป็นไหม?

หลายคนสงสัยว่าเมื่อต้องพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน จำเป็นต้องฝังไมโครชิพหรือไม่?

คำตอบคือ:

  • สำหรับเที่ยวบินในประเทศ เช่นของสายการบินในไทยอย่าง Bangkok Airways – ยังไม่มีข้อบังคับเรื่องไมโครชิพ แต่ แนะนำให้มี เพราะ:
    • หากน้องเกิดพลัดหลงหรือหลุดจากกล่องเดินทาง ระบบไมโครชิพจะช่วยระบุตัวตน และตามกลับมาได้ง่ายขึ้น
    • เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่สัตวแพทย์หลายแห่งแนะนำสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เดินทางบ่อย

 

  • หากเป็นการเดินทางระหว่างประเทศ (International flight) – “จำเป็นต้องมีไมโครชิพ”
    • ต้องใช้ร่วมกับ Pet Passport และใบรับรองสุขภาพ
    • ใช้มาตรฐานตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง เช่น EU, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ฯลฯ


สรุป: แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับในบางกรณี แต่ไมโครชิพคือการลงทุนที่ช่วยให้น้องปลอดภัยระหว่างเดินทางอย่างแท้จริง


สรุป: เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาน้องหมาน้องแมวขึ้นเครื่องบิน

การพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไม่ใช่เรื่องยาก หากเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องเอกสาร กล่องเดินทาง การแจ้งสายการบิน และการดูแลความพร้อมของน้อง เพียงแค่นี้ก็สามารถพาน้องไปผจญภัยด้วยกันได้อย่างปลอดภัย และไร้กังวล

วันหยุดยาวนี้ ถ้าอยากพาน้องหมาน้องแมวไปเที่ยวด้วยกัน อย่าลืมทำการบ้านให้ครบ! เพราะการวางแผนล่วงหน้าคือกุญแจสำคัญ ที่ทำให้การเดินทางของทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงราบรื่นและน่าจดจำ

 

อยากให้น้องเดินทางอย่างสบายใจ ปลอดภัย และไม่ตกหล่นขั้นตอนใดๆ ต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อมนะคะ ที่สำคัญ อย่าลืม! พาน้องมาฝังไมโครชิพก่อนมีการเดินทางด้วยนะคะ หรือถ้าใครไม่สะดวกพาน้องไปด้วย ก็สามารถพาน้องมาฝากไว้กับเราได้ค่ะ ทางเรายินดีให้บริการค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้